|
|
กำลังวัวเถลิง |
|
ชื่ออื่น : กำลังทรพี , ชะแมบ (ตราด) , ช้าวัวเถลิง (ประจวบคีรีขันธ์) ,ปูน (สุราษฎร์ธานี) , ปูนทา (นราธิวาส), แหลขี้ควาย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Anaxagorea luzonensis A.Gray
วงศ์ : ANNONACEAE |
|
สรรพคุณตามตำรับยาไทย
บำรุงโลหิต ทำธาตุให้บริบูรณ์ บำรุงเส้นเอ็น แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงกระดูกให้แข็งแรง เป็นยาอายุวัฒนะ |
|
ศักยภาพทางเภสัชวิทยา
จากการศึกษาสารสกัดจากเถาลำต้นของกำลังวัวเถลิงด้วย 50% แอลกอฮอล์ พบว่าพืชชนิดนี้มีสารองค์ประกอบอยู่ในกลุ่มแทนนินส์
ทั้งที่เป็น hydrolysable tannins และ condensed tannins ในปริมาณไม่สูงมาก
มีฟลาโวนอยด์ทั้งประเภท anthocyanidin, leucoanthocyanidin, catechin, aurone, flavone, dihydroflavonol,
และ flavonol และมีสารในกลุ่มอัลคาลอยด์ มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ (EC50 = 23.55ไมโครกรัม/มล.)
มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย S. mutans ที่ทำให้เกิดโรคในช่องปากที่ความเข้มข้น 0.39 มก./มล.
มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย S. aureus ที่ทำให้เกิดโรคแผลฝีหนองที่ความเข้มข้น 3.125 มก./มล.
และเชื้อ V. cholerae ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอหิวาตกโรคที่ความเข้มข้น 3.125 มก./มล.
มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราสาเหตุของโรคกลากที่ความเข้มข้น 8 มก./มล.มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อไวรัส
โรคเริม Herpes simplex virus type 1 (IC50 = 58.16 ไมโครกรัม/มล.)
สารสกัดกำลังวัวเถลิงไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ทั้งในภาวะที่มีและไม่มีเอนไซม์ แต่สามารถลดฤทธิ์ในการก่อกลายพันธุ์
ของสารมาตรฐานที่ทดสอบได้ดีเมื่อมีการทำงานของเอนไซม์ในตับร่วมด้วยโดยมีค่า IC50 เท่ากับ 8.02 และ 8.88 มก./plate
และมีความเป็นพิษต่อเซลล์ม้ามโดยให้ค่า IC50 = 129.5 มก./มล. มีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งตับปานกลาง
(IC50 = 163.5±11.7 ไมโครกรัม/มล.) พบว่ามีความเป็นพิษต่อเซลล์ปกติเช่นกัน
และไม่พบว่ามีความสามารถเหนี่ยวนำให้เซลล์มะเร็งตับตายแบบอะพอพโทซิส เมื่อเซลล์ได้รับสารสกัดนาน 1 วัน
|
|
ที่มาของข้อมูล : - http://www.thaikasetsart.com
ไทยเกษตรศาสตร์ เว็บรวบรวมวิชาความรู้ด้านการเกษตรของไทย
- http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/
search_detail.asp?Botanic_ID=2459
ระบบสืบค้นข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
- https://home.kku.ac.th/orip2/thaiherbs/index.php/2013-05-04-04-15-42/14-2013-05-04-05-42-29
อพ.สธ. มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
|
|
|
อาการปวดเมื่อย มาจากสาเหตุอะไร |
|
ความหมาย เมื่อย คือ เป็นอาการเหน็ดเหนื่อย รู้สึกอ่อนล้า หมดแรง หรือขาดพลังงาน เมื่อเกิดอาการขึ้นแล้วจะทำให้ตัวบุคคลนั้น ๆ สูญเสียสมาธิ
ไม่มีแรงกระตุ้น และมีพลังงานในการกระทำสิ่งใด ๆ ลดน้อยลง
รวมถึงอาจกระทบต่อสภาพอารมณ์
และสุขภาพจิตของบุคคลนั้นได้ด้วย
อาการเมื่อยอาจเกิดจากการทำงานหรือกิจกรรมอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
หรืออาจเป็นอาการที่เกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ได้ ตั้งแต่โรคที่มีความรุนแรงน้อยไปจนถึงโรค
ที่ค่อนข้างรุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิต
นอกจากนี้อาจมีอาการเมื่อยอันเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยา ขาดการออกกำลังกาย หรือรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขอนามัยได้เช่นกัน หากได้รับประทานอาหารและพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว
แต่อาการเมื่อยล้ายังไม่หายไป ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
และหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการ ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ |
|
สัญญาณสำคัญของอาการเมื่อยที่ควรไปพบแพทย์
- มีอาการเมื่อยล้าที่หาสาเหตุไม่ได้ ร่วมกับมีไข้ น้ำหนักลด
- ปัสสาวะน้อยมาก หรือไม่ปัสสาวะเลย
- ท้องผูก น้ำหนักขึ้น ผิวแห้ง หนาวง่าย
- ตัวบวมขึ้น น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
- นอนไม่หลับ หลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืน
- เวียนศีรษะ สับสนมึนงง
- สายตาพร่ามัว มองเห็นเป็นภาพเบลอ
- เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก
- หายใจถี่ หายใจไม่อิ่ม
- หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือหัวใจเต้นแรง
- ปวดศีรษะตลอดเวลา
- ปวดท้อง ปวดท้องน้อย หรือปวดหลังอย่างรุนแรง
- รู้สึกเหมือนจะเป็นลม หรือรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตาย
- มีภาวะเลือดออก เช่น อาเจียนเป็นเลือด หรือมีเลือดไหลออกจากทวาร
- รู้สึกเศร้าโศกเสียใจ
- มีความคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายตัวเอง
- มีความคิดหรือความกังวลว่าจะทำร้ายผู้อื่น |
|
หากผู้ป่วยมีอาการเมื่อยล้าอย่างเรื้อรังยาวนานกว่า 2 สัปดาห์ โดยที่อาการไม่ดีขึ้นแม้จะผ่านการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และผ่อนคลายความตึงเครียดไปแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาเช่นกัน |
|
สาเหตุของอาการเมื่อย
- ทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงอย่างหนัก เช่น ออกกำลังกายอย่างหนัก ยกของหนัก ลากของหนักเป็นเวลานาน ๆ
- ขาดการออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมที่เพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อร่างกายส่วนต่าง ๆ
- นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ
- น้ำหนักเกิน หรืออยู่ในภาวะอ้วน
- อยู่ในช่วงมีประจำเดือน ซึ่งมีสภาวะทางอารมณ์ไม่คงที่
- รับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขอนามัย
- บริโภคคาเฟอีนจากกาแฟหรือชามากจนเกินไป
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือการใช้ยาเสพติด
- การเดินทางข้ามเขตเวลาโลก
- การใช้ยาที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเป็นอาการเมื่อยล้าหมดแรง เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้ปวด ยาต้านฮิสตามีน
ยารักษาความดันโลหิต
ยาขับปัสสาวะ ยารักษาโรคหัวใจ ยาสเตียรอยด์ ยาคลายกังวล ยาต้านเศร้า ยานอนหลับ เป็นต้น
- การบำบัดรักษาโรค เช่น เคมีบำบัด รังสีบำบัด
- ป่วยด้วยโรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่
- ภาวะขาดธาตุเหล็ก , โรคโลหิตจาง และโรคเบาหวาน
- โรคปวดกล้ามเนื้อ หรือมีอาการเจ็บปวดบริเวณใดบริเวณหนึ่งอย่างเรื้อรัง
- มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน เช่น นอนไม่หลับ ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคลมหลับ
- ต่อมไทรอยด์ทำงานมากกว่าหรือน้อยกว่าปกติ
- ภาวะข้ออักเสบ หรือข้ออักเสบรูมาตอยด์
- โรคแอดดิสัน (Addison Disease) ที่ต่อมหมวกไตทำงานได้น้อยกว่าปกติ
- ความผิดปกติเกี่ยวกับการกิน เช่น โรคคลั่งผอมหรือโรคกลัวอ้วน (Anorexia Nervosa) ทำให้ผู้ป่วยอดอาหาร
- โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น โรคพุ่มพวง (Lupus)
- เจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับตับหรือไต เช่น ตับวายเฉียบพลัน โรคไตเรื้อรัง
- ป่วยด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งมักเกิดจากการสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน
- ภาวะติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อจากปรสิต โรคไวรัสตับอักเสบ วัณโรค การติดเชื้อเอชไอวี
- ศีรษะกระแทก สมองถูกกระทบกระเทือนหรือได้รับบาดเจ็บ
- โรคทางเส้นประสาท เช่น เส้นประสาทส่วยปลายถูกกด โรคปลอกประสาทอักเสบ
- โรคมะเร็งต่าง ๆ
- โรคหัวใจ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะเยื่อบุหัวใจอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย
- กลุ่มอาการล้าเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome) ซึ่งเป็นอาการเมื่อยล้าอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 เดือนขึ้นไป |
|
การรักษาและการป้องกันอาการเมื่อย
- นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
- ดื่มน้ำเปล่าในปริมาณมาก ๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกหลักโภชนาการและสุขอนามัยในปริมาณที่เหมาะสม
- ไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่สูบบุหรี่ และไม่ใช้ยาเสพติด
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอ ไม่ออกกำลังกายอย่างหนักจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงอย่างหนัก ไม่หักโหมทำงานหนัก หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ มากจนเกินไป
- พักผ่อนร่างกายด้วยกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น การเล่นโยคะ หรือการนั่งสมาธิ
- หลีกเลี่ยงการเผชิญกับความเครียด หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดความเครียด
- เรียนรู้วิธีจัดการกับความเครียด แก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่อย่างเหมาะสม
- ผ่อนคลายจากความเครียดด้วยการพักผ่อน การไปท่องเที่ยว หรือการทำกิจกรรมที่สร้างความบันเทิง
- หากกำลังเจ็บป่วยและอยู่ในระหว่างการพักฟื้นรักษาตัว ต้องรับประทานยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด |
|
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.pobpad.com/เมื่อย |
|
|
|